ท่านธมมวิตกโกเป็นผู้อดทน มีความเพียร เมื่อทำสิ่งใดก็ทำสม่ำเสมอ อย่างการทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น ท่านก็ทำโดยตลอดไม่เคยขาด มีงดอยู่วันเดียว วันนั้นท่านอาพาธเพราะถูกงูกัด สมเด็จอุปัชฌาย์ได้มาบอกว่าให้งดสักวันเถิด ท่านก็งดวันนั้นหนึ่งวัน ตลอดเวลา 40 ปีกว่าท่านงดทำวัตรเพียงหนึ่งวัน
ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าท่านมีความอดทนและความเพียรเพียงใด คนที่ทำอะไรได้ทุกวันโดยสม่ำเสมอเป็นเวลา 40 กว่าปีนี้เป็นเรื่องน่าคิดและน่าสรรเสริญ เพราะยากนักจะทำได้ และตลอดเวลา 40 กว่าปี มิใช่ว่าท่านจะแข็งแรงมีสุขภาพดีมาโดยตลอดก็หาไม่ ท่านก็เจ็บป่วยเช่นคนทั้งหลาย แต่ด้วยความอดทน ท่านก็พยายามทำไม่ยอมขาด และการป่วยเจ็บของท่านนี้ ท่านบอกว่าท่านไม่เคยฉันยาแม้สักครึ่งเม็ด นับแต่ท่านเริ่มบวชเป็นต้นมา
ที่ทำอย่างนี้ท่านบอกว่า เมื่อตัดสินใจจะปฏิบัติทางจิตแล้ว ก็ต้องทำให้ได้โดยอาศัยอำนาจจิตมารักษา เมื่อรักษาไม่ได้ก็ตายไป ไม่ขออาศัยยาแก้เจ็บแก้ไข้ ท่านบอกว่าคนที่ปฏิบัติทางจิตนี้ ต้องการสังขารเพียงเพื่อจะได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมวินัยต่อไปเท่านั้น ไม่ต้องการสังขารที่สุกใส เปล่งปลั่ง ท่านพูดเสมอว่า ช้างพี ฤาษีผอม หมายถึงช้างที่ดีควรจะอ้วน ส่วนฤาษีอันหมายถึงผู้ปฏิบัติธรรมควรจะผอม
ต่อมาท่านได้ถูกคางคกไฟกัดอีก แต่ครั้งหลังนี้ ท่านไม่ได้ขาดทำวัตร เรื่องคางคกไฟนี้เป็นเรื่องแปลก ท่านเองก็บอกว่าไม่เคยมีใครพบในกรุงเทพฯ ทราบแต่ว่ามีทางปักษ์ใต้ ทำไมจึงมากัดท่านได้ ท่านชี้ตำแหน่งให้ดูที่หลังเท้าว่ากัดจนจมสองเขี้ยว และท่านเห็นตัวด้วยว่าตัวใหญ่คางคกธรรมดาและสีแดง ท่านบอกว่าคืนนั้นบวมมาก และค่อย ๆ ปวดขึ้นมาจนเข้าหัวใจ ท่านพยายามอดทน และขับไล่ความเจ็บปวดนั้น จนรุ่งเช้าบวมเฉพาะขาทั้งท่อนล่างและท่อนบน แม้อย่างนั้นท่านก็ยังไม่ยอมขาดทำวัตร
นอกจากนี้ท่านยังป่วยเป็นโรคมะเร็งกรามช้าง ฉันอาหารไม่ได้เกือบเดือน นอนก็ไม่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ท่านต้องนั่งก้มหน้าเอากระโถนมารองไว้ให้น้ำหนองไหล และพอฟันซี่ใดหลุดท่านก็จดวันที่และเวลาที่ฟันหลุดไว้ จนกระทั่งฟันหลุดหมดปาก ระยะนี้โยมพ่อได้มาเยี่ยมท่านและบอกว่าท่านคงไม่รอดแน่ ท่านจึงวานโยมพ่อไปต่อหีบศพให้ท่าน ช่างที่ต่อเป็นชาวจีนชื่อจุ่นอยู่หลังวัดเทพศิรินทร์ใช้ไม้สักทั้งหีบ ราคาสิบกว่าบาท เมื่อต่อเสร็จก็นำมาไว้ในกุฏิ แต่ปรากฏว่าท่านไม่ตายหีบศพนั้นก็อยู่กับท่านเรื่อยมา
เรื่องหีบศพของท่านนี้ ผมจำได้ว่าท่านเล่าให้ฟังว่าท่านป่วยด้วยโรคมะเร็งกรามช้าง 2 ครั้ง และการต่อหีบศพนี้เป็นการต่อในการป่วยครั้งแรกของท่าน เมื่อท่านบวชได้ไม่กี่พรรษาหลังจากเป็นมะเร็งกรามช้างแล้วท่านบอกว่าท่านยังเป็นอัมพาตอีก โดยเป็นที่ขาของท่าน เป็นข้างขวามากกว่าข้างซ้ายทำให้เดินไม่ไหว เวลาไปลงโบสถ์ทำวัตรต้องใช้มือช่วยยกเท้าเดินไป ต่อมาเป็นมากท่านใช้ไม้ผูกเชือกตอนปลายแล้วไปผูกกับนิ้วหัวแม่เท้าแล้วใช้มือช่วยยกเท้าไปลงทำวัตรจนได้ ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าท่านอดทนเพียงไรเพื่อที่จะไม่ขาดทำวัตร ต่อมาภายหลังท่านก็หายจากอัมพาต แต่เวลาเดินเท้าขวายกสูงไม่ได้จนกระทั่งมรณภาพ ทำให้ท่านเดินหกล้มบ่อยหากเดินไปสะดุดอะไรเข้า เพราะยกเท้าไม่พ้น และการที่ท่านหายนี้ด้วยบุญบารมีของท่านเอง ไม่เคยฉันยาเลย ดังที่ท่านบอกว่าตั้งแต่บวชมาไม่เคยฉันยาแม้สักครึ่งเม็ด
.........................................