พระเครื่องทั้งหมด 3760 ชิ้น
ตะกร้าพระเครื่อง : ( 0 )
สารบัญหลัก
พระท่านเจ้าคุณนรฯ (1382) พระเครื่องอื่น ๆ (964) เครื่องรางของขลัง (10) พระบูชา (67)
บทความ
ประวัติสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ประวัติท่านเจ้าคุณนรฯ
ประวัติสมเด็จพระวันรัต
ตำนานพระพุทธรูป
หลัการดูพระเบื้องต้น
เปิดโลกสมเด็จ
เปิดโลกพระกรุ
ทำเนียบสมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติการสร้างพระเครื่อง
อ่านบทความทั้งหมด
กระดานสนทนา
เว็บบอร์ดพระวัดเทพศิรินทราวาส เว็บบอร์ดพระทั่วไป ซื้อขายแลกเปลี่ยน
เมนูช่วยเหลือ
วิธีการบูชา วิธีการชำระเงิน คำถาม-ตอบ เกี่ยวกับเรา แผนที่ร้านฯ ติดต่อเรา นโยบายคุกกี้
อัตราแลกเปลี่ยน
ตรวจสอบการจัดส่งสินค้า
 
ชำระผ่านธนาคาร ธ.ไทยพาณิชย์ 114-2-16175-0 ธ.กรุงเทพ 905-0-00725-2 ธ.กรุงไทย 086-037-0-04433-9


เอาซองราชการมาใช้ส่วนตัว

เรื่องเอาซองหนังสือราชการมาใช้ในกิจส่วนตัว

          วันหนึ่งเวลาเที่ยงวัน  พอสมเด็จพ่อฉันเพลเสร็จ  ก็มีข้าราชการพลเรือนชั้นพิเศษศิษย์ของสมเด็จพ่อคนหนึ่งคลานเข้าไปกราบนมัสการสมเด็จพ่อแล้ว  เอามือหยิบซองใส่หนังสือออกจากกระเป๋าเสื้อถวายสมเด็จพ่อแล้วกราบเรียนว่า

          “เกล้ากระผมได้เอากระดาษจดวันเกิดของบุตรมาถวาย เพื่อได้โปรดกรุณาตั้งชื่อให้บุตรเกล้ากระผมด้วย”  สมเด็จพ่อยื่นมือไปรับซองนั้นมาพลิกดูซองด้านหน้า แล้วก็พลิกดูด้านหลัง พลันสมเด็จพ่อก็พูดกับข้าราชการชั้นพิเศษคนนั้นว่า “ซองนี้เป็นตราครุฑใช้เฉพาะในราชการเท่านั้น  การที่เจ้าคุณลอบเอาซองราชการตราครุฑมาใช้ในกิจส่วนตัวเช่นนี้ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง  เรื่องนี้เป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา  ถ้าคิดเพียงเผินๆ จะเห็นเป็นเรื่องเล็กไม่สลักสำคัญอะไร  แต่เมื่อคิดให้ลึกซึ้งแล้วจึงเห็นเป็นเรื่องใหญ่  สมมติว่าประเทศไทยมีข้าราชการ  300,000  คนทุกคนลอบเอาซองราชการตราครุฑมาใช้ในกิจส่วนตัวคนละ  1  ซอง  ราคาซองละ  10  สตางค์  รวมค่าซองตราครุฑที่ข้าราชการลอบเอาใช้ในกิจส่วนตัวจะเป็นเงินที่รัฐบาลต้องสูญเสียไปเปล่าๆ  30,000  บาท ฉะนั้น เจ้าคุณจงเอาซองตราครุฑนี้กลับคืนไปเปลี่ยนเอาซองไม่มีตราครุฑใส่กระดาษจดวันเกิดของลูกมาถวายฉันอีกครั้งหนึ่ง”

          ปรากฏว่าข้าราชการพิเศษผู้นั้นน้ำตาร่วงยกมือขึ้นพนมมือกราบเรียนสมเด็จพ่อด้วยเสียงตื้นตันรันทดว่า

          เรื่องนี้เกล้ากระผมนึกไม่ถึง  เกล้ากระผมขอสารภาพรับผิด  ต่อไปเกล้ากระผมจะสังวรระวังไม่ประพฤติเช่นนี้อีก”  พลางรับซองตราครุฑไปจากสมเด็จพ่อ  ล้ากราบนมัสการลากลับไปด้วยอาการเซื่อมซึมเพื่อนำไปเปลี่ยนซองใหม่

“ดีแล้ว”  สมเด็จพ่อกล่าวสัมโมทนียกถา

นี่เป็นนิทัศนอุทาหรณ์แสดงให้เห็นว่า  สมเด็จพ่อเป็นผู้ฉลาดสามารถในการปกครอง  ในการแนะนำสั่งสอน  มี

ความเพียรไม่เบื่อหน่ายในการอบรมศิษย์  มีความเมตตากรุณา  มุทิตาโอบอ้อมอารี  มีความห่วงใยในความเป็นอยู่และความประพฤติของศิษย์หวังเจริญสวัสดีแก่ศิษย์  แม้สึกหาลาเพศไปแล้วก็ยังหวังดีอุตส่าห์ตักเตือน  พร่ำสอนเมื่อมีโอกาส  ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือสักการบูชาของบรรดาศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั่วกัน

          ผู้เขียนได้ลาสิกขาเมื่อวันที่  9  ตุลาคม  2468  สมเด็จพ่อได้กรุณารดน้ำมนต์ให้ศีลให้พรและมอบรูปของท่านขนาด  6   นิ้วแก่ผู้เขียน  โดยท่านได้ลิขิตข้อความเป็นประกาศนียบัตรไว้ในรูปนั้นดังนี้

           ที่ 210/4097                                    พระสาสนโสภณ  ผู้อุปัชฌายะ

             ให้พระจิตฺตภทฺโท  มหาดเล็กวิเศษ  อุ่ณห์จิตต์  นพรัก สัทธิวิหาริกที่  1710  เป็นที่ระลึกในการซึ่งหมั่นเล่าเรียนศึกษา  มีปฏิภาณปรีชา

สอบไล่นักธรรมตรีได้ชั้นเอกในสนามวัดเทพศิรินทราวาส  พ.ศ. 2468  เป็นผู้เอื้อเฟื้อในกิจวัตร 

ตั้งจิตปฏิบัติเรียบร้อยตามพระธรรมวินัย  ควรชมว่าได้เป็นผู้มีจรรยาอันสุภาพดีผู้หนึ่ง  แต่วันที่  9  ตุลาคม  พุทธศักราช2468

          ผู้เขียนได้กราบขอบพระคุณท่านและกล่าวปวารณาตัวขอรับใช้ท่านตลอดไป

          เมื่อวันเข้าพรรษาปี  2469  ผู้เขียนได้นำดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะไปถวายเข้าพรรษาสมเด็จพ่อที่กุฎีขณะท่านกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่  ณ  ที่รับแขก  เมื่อรับประเคนดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะแล้วท่านได้ปรารภกับผู้เขียนว่า

          “ฉันใฝ่ฝันอยากจะได้พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย  ปางมารวิชัยที่งาม ๆ ไว้บูชากราบไหว้สักองค์หนึ่งมาเป็นเวลานานแล้ว  แต่ก็ยังหาไม่ได้  เพราะไม่มีลูกศิษย์ลูกหาซึ่งเป็นชาวสุโขทัย  หรือจังหวัดใกล้เคียงที่จะขอร้องให้ช่วยเสาะหาให้  บัดนี้ฉันได้  อุ่ณห์จิตต์  ซึ่งมีกำเนิดเป็นชาวสุโขทัยมาเป็นลุกศิษย์ของฉัน  ฉันจึงขอฝากความหวังเรื่องนี้ไว้กับอุ่ณห์จิตต์  ด้วย”

          ผู้เขียนได้กราบเรียนท่านว่า  “เกล้ากระผมจะพยายามหามาถวาย  แต่ต้องขอประทานเวลาสัก  2-3  เดือน”

          “ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร  ฉันจะคอยฟังข่าวดีจากอุ่ณห์จิตต์”    สมเด็จพ่อพูดให้กำลังใจ

          กาลได้ล่วงมาประมาณ  2  เดือน  ผู้เขียนก็โชคดีไปพบพระพุทธรูปสุโขทัยหน้านาง  ปางมารวิชัย  หน้าตักกว้าง  1  ฟุตเข้าองค์หนึ่ง  มีพุทธลักษณะได้ส่วนสัดงามมาก  ผู้เขียนขอบูชาจากเจ้าของแล้วรีบนำไปถวายสมเด็จพ่อโดยไม่ชักช้า

          พอสมเด็จพ่อเห็นองค์พระพุทธรูปเข้าเท่านั้น  ท่านก็ยื่นมือออกมาประคองรับพระไปจากผู้เขียน  พลางอุทานด้วยความปรีดาปราโมทย์ว่า

          “ฉันขอขอบใจอุ่ณห์จิตต์เป็นอันมากที่ช่วยเอื้อเฟื้อหาพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย  ซึ่งงามอย่างไม่มีที่ติมาให้ฉันบูชาสมดังใจหมาย  ต่อแต่นี้ไปฉันไม่ปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวของฉันอักแล้ว”

          เมื่อคิมหันต์ฤดูปี  2470  เวียนมาถึง  ผู้เขียนได้พิจารณาเห็นสมควรนิมนต์สมเด็จพ่อ  ซึ่งเป็นกรรมการราช-บัณฑิตยสภาและเป็นผู้สนใจในเรื่องโบราณวัตถุสถานไปทัศนาจรเมืองพระร่วง  ( สุโขทัยและศรีสัชนาลัย )  ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของผู้เขียน  เพื่อประดับความรู้และเป็นการพักผ่อนหย่อนอารมณ์ของสมเด็จพ่ออีกด้วย  เมื่อผู้เขียนนำความไปกราบเรียนให้ท่านทราบ  โดยผู้เขียนรับอาสาเป็นผู้อำนวยการเดินทางถวายความสะดวกสบายในเรื่องยานพาหนะเรื่องที่พักแรมและการขบฉันโดยตลอดทั้งไปและกลับ  ท่านก็เห็นพ้องด้วย  กำหนดการเดินทางไปในวันที่  15  เมษายน  2470  โดยทางรถไฟ

          เมื่อถึงวันเดินทาง  ผู้เขียนได้ไปรับท่านพร้อมด้วยผู้ติดตามอีก  3  คนจากวัดเทพศิรินทราวาสไปยังสถานีกรุงเทพฯ  ขึ้นโดยสารรถไฟไปลงที่สถานีชุมทางบ้านดารา-สวรรคโลกไปลงที่สถานีสวรรคโลก  พักที่เรือนรับรองของอำเภอสวรรคโลกด้วยความเอื้อเฟื้อของนายอำเภอสวรรคโลก

          รุ่งขึ้นวันที่  16  เมษายน  2470  หลังจากฉันภัตตาหารเช้าแล้ว  ผู้เขียนก็นิมนต์สมเด็จพ่อพร้อมด้วยผู้ติดตามขึ้นรถยนต์เดินทางยังสุโขทัยชมโบราณวัตถุสถานที่เมืองสุโขทัยเก่า  อาทิ  วัดมหาธาตุที่ซึ่งขอมดำดิน  ( พระยาเดโช )  โผล่ขึ้นมาเพื่อจะฆ่าพระร่วง  เนินประสาทวัดศรีสวาย  วัดตระพังเงิน  วัดเชตุพน  ศาลหลักเมือง  วัดชนะสงคราม  วัดเขาพระบาทน้อย  วัดตระพังทอง  วัดสระศรี  วัดตระกวน  ศาลตาผ้าแดง  ถนนพระร่วง  วัดพระพายหลวง  วัดศรีชุม  เตาทุเรียง    วัดสะพานหิน  วัดเจดีย์งาม  หอเทวาลัยมหาเกษตรพิมาน  วัดตึก  วัดป่ามะม่วง   วัดเจดีย์สี่ห้อง  วัดตระพังทองหลวง        วัดช้างล้อม  วัดเจดีย์สูง  วัดต้นจันทน์  วัดมังกรและวัดถ้ำหีบ  แล้วเดินทางกลับมาแวะชมโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์สถานวัดราชธานี  และเยี่ยมสถานที่ราชการบางแห่งของจังหวัสุโขทัยแล้ว  กลับไปพักแรมที่อำเภอสวรรคโลก

          วันที่  17  เมษายน  2470  เวลา  8.00 น.  สมเด็จพ่อและคณะได้เดินทางโดยรถยนต์ไปลงที่หลักกิโลเมตร  16  ถนนสายสวรรคโลก-ศรีสัชนาลัยแล้วลงเรือข้ามฟากไปยังตะวันตกของแม่น้ำยม  อันเป็นที่ตั้งกรุงศรีสัชนาลัย  แห่งแรกที่ไปชมคือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  กุฎีพระร่วง  วัดเจ้าจันทน์  วัดโคกสิงราม  วัดกูบ  วัดสระประทุม  วัดเจดีย์เจ็ดแถว         วัดสวนแก้ว  วัดนางพระยา  หลักเมือง  พระราชวัง  วัดเขารังแร้ง  วัดพนมเพลิง  วัดช้างล้อมและแก่งหลวง  ครั้นได้เวลาอันสมควรสมเด็จพ่อและคณะได้เดินทางกลับสู่ที่พักอำเภอสวรรคโลก

          ตอนค่ำวันนั้นสมเด็จพ่อได้แสดงพระธรรมเทศนาเรื่อง  “ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม”  ให้ราษฎรชาว  สวรรคโลกประมาณ  1,200  คนที่ชุมนุมฟัง  ( ตามคำประกาศป่าวร้องของนายอำเภอสวรรคโลก )  ที่หน้าเรือนรับรอง

          เมื่อสมเด็จพ่อแสดงเทศนาจบลงแล้ว  บรรดาราษฎรที่มาฟังต่างแซ่ซ้องการสาธุการเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านเทศน์สั่งสอนอย่างดีวิเศษเหลือเกิน  ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยได้ฟังเทศน์ที่ดีและเข้าใจง่ายอย่างนี้เลย  สาธุ

          วันที่  18  เมษายน  2470  เวลา  9.00 น.  ผู้เขียนได้นำสมเด็จและผู้ติดตาม  3  คนขึ้นรถยนต์จากอำเภอสวรรคโลกไปจังหวัดพิษณุโลก  เพื่อนมัสการพระพุทธชินราชตามความประสงค์ของสมเด็จพ่อ  เมื่อถึงจังหวัดพิษณุโลก  รถยนต์ของเราได้ไปหยุดที่หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ  ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช  ผู้เขียนได้นิมนต์สมเด็จพ่อลงจากรถยนต์  นำท่านและผู้ติดตามบ่ายหน้าไปที่พระวิหารพระพุทธชินราชก่อนจะเข้าไปในวิหารจะต้องผ่านประตูทำด้วยไม้สัก  ซึ่งมีลวดลายทองประดับมุกงดงามมาก  สร้างในรัชกาลพระเจ้าบรมโกษฐ์  เมื่อพ.ศ. 2283  ตรงกลางสันประตูที่เรียกว่า  “อกเลา” นั้นทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแกะเป็นอุณาโลมอยู่ในบุษบก  มีรูปหนุมานแบกบุษบกไว้  ทั้งสองเป็นรูปฉัตร  ประชาชนส่วนมากนิยมนับถือกันว่าผ้าที่พิมพ์ด้วยหมึกดำออกจาก  “อกเลา”  นี้เป็นผ้าประเจียดศักดิ์สิทธิ์  สามารถทำให้  อยู่ยงคงกระพันและป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ได้  พอสมเด็จพ่อก้าวเข้าประตูพระวิหาร  มองไปเห็นพระพุทธชินราชเป็น ครั้งแรกในชีวิตสมเด็จพ่อก็หยุดตะลึงแลจ้องดูพระพุทธชินราชอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธชินราชแล้วนั่งลงบนอาสนะกราบนมัสการด้วยเบญจางคประดิษฐ์เสร็จแล้วท่านก็เพ่งพินิจดูพระพักตร์  พระศอ  พระอุระ  พระพาหา  พระกร  พระหัตถ์  และพระบาทแล้วยังไม่สมใจ  ท่านลุกขึ้นเดินไปดูทางเบื้องซ้ายขององค์พระพุทธชินราช  แล้วย้ายมาดูทางเบื้องขวาแล้วไปนั่งพับเพียบอยู่ตรงพระพักตร์ของพระพุทธชินราชอีกครั้งหนึ่ง  พลางกล่าวกับผู้เขียนว่า

          “ ตั้งแต่ฉันเกิดมา  ฉันไม่เคยเห็นพระพุทธรูปหล่อขนาดใหญ่ที่ไหนมีพุทธลักษณะงดงามอย่างไม่มีที่ติเหมือนหลวงพ่อพระพุทธชินราช” ซึ่งในตำนานกล่าวไว้ว่า พระมหาธรรมราชาลิไทยหรือพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกกษัตริย์องค์ที่  5    แห่งราชวงศ์พระร่วงเป็นผู้สร้าง  โดยโปรดให้ช่างเมืองชะเลียง  ( สวรรคโลก )  เชียงแสนและหริภุญไชยร่วมมือกันประสมดินและแกลบปั้นหุ้นเป็นพระพุทธเจ้า  3  รูป  คือพระพุทธชินราช  พระพุทธชินสีห์  และพระศาสดาให้เหมือนพิมพ์เดียวและใหญ่เล็กเท่ากัน  ครั้นเป็นเบ้าคุมพิมพ์แล้วจึงเอาพิมพ์เข้าเตาแล้วเอาทองสัมฤทธิ์หล่อให้พร้อมกันทั้ง  3  รูป    ปรากฎว่า รูปพระพุทธชินสีห์    และพระศาสดาทั้งสององค์นั้นแล่นเสมอกันเป็นองค์พระบริบูรณ์  ส่วนพระพุทธชินราชนั้นทองไม่แล่นเสมอกันมิได้เป็นองค์เป็นรูป  แม้ช่างพยายามหล่อถึงสามครั้งก็มิได้เป็นองค์  พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกและเจ้าประทุม-เทวีพระมเหสีจึงทรงตั้งสัตย์อธิษฐาน  ขอให้การหล่อพระพุทธชินราชจงเป็นผลสัมฤทธิ์เถิด  ก็ร้อนถึงอาสน์พระอินทร์ ๆ จึงเนรมิตเป็นตาปะขาวลงมาช่วยทำรูปพระคุมพิมพ์ปั้นเบ้าและทำตรีศูลไว้ที่พระนลาฏให้เป็นสำคัญ  ให้รู้ว่าพระอินทร์    ลงมาช่วย  เมื่อพิมพ์พระพุทธรูปแห้งแล้ว  จึงให้ช่างตั้งเตาหล่อพระพุทธชินราช  ด้วยอานุภาพพระอินทร์ทองก็แล่นเสมอกันสำเร็จเป็นองค์พระพุทธชินราชบริบูรณ์ทุกประการหาที่ติมิได้  ครั้นแล้วตาปะขาวก็เดินขึ้นไปทางเหนือ  ถึงหมู่บ้านหนึ่งก็อันตรธานหายตัวไป  พระพุทธชินราชจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่พระอินทร์สร้าง  โดยมีตรีศูลไว้ที่พระนลาฎเป็นสัญญลักษณ์   พระพุทธชินราชจึงเป็นพระพุทธรูปที่งดงามหนักหนาและศักดิ์สิทธิ์มาก 

          สมเด็จพ่อได้ใช้เวลานับเป็นชั่วโมงสงบองค์สงบอารมณ์อยู่ในสุนทรียสถานแห่งพระวิหารพระพุทธชินราชและท่านคงมีความสุขอย่างประหลาดเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพุทธชินราช  จนถึงเวลาเดินทาง  สมเด็จพ่อพร้อมด้วยผู้เขียนและผู้ติดตาม  3  คนก็กราบนมัสการพระพุทธชินราช  ไปโดยสารรถไฟที่สถานีพิษณุโลกกลับสู่พระนครด้วยความสวัสดิภาพ

3 ปีต่อมาถึงเทศกาลวันเข้าพรรษาผู้เขียนได้นำดอกไม้ธูปเทียนไปถวายเข้าพรรษาสมเด็จพ่อเช่นเคย  เมื่อท่านได้ถามถึงทุกข์สุขและเรื่องอื่น ๆ แล้ว  ท่านปรารภกับผู้เขียนว่า

“ เวลานี้ฉันพร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกาและพ่อค้าประชาชนชาวชลบุรี  กำลังทำการซ่อมพระอุโบสถ  วัดเขาบาง-ทราย  ชลบุรี  เปลี่ยนแปลงจากเดิมขยายให้กว้างขวางงดงามยิ่งขึ้น  ประตูหน้าต่างเขียนลายรดน้ำลงรักปิดทองประดับกระจก  เขียนลายผนังติดดาวเพดาน  หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ  ประกอบช่อฟ้าใบระกา  ยังติดขัดอยู่อย่างเดียวคือใบเสมาที่จะหาไปประดิษฐานรอบพระอุโบสถแทนของเดิม  ซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็ก  และเวลานี้ได้ชำรุดแตกหักหลายแผ่นไม่เหมาะสมกับพระอุโบสถซึ่งขยายให้กว้างขวางกว่าเดิม  สมควรจะหาใบเสมาไปเปลี่ยนเสียใหม่  เลยทำให้ฉันหวนระลึกถึงเมื่อคราวอุ่ณห์จิตต์นิมนต์ฉันไปชมโบราณสถานที่เมืองสุโขทัยเก่าขึ้นมาได้  คือระหว่างที่เดินชมวัดต่าง ๆ อยู่นั้น  ฉันเห็นใบเสมาที่ประดิษฐานอยู่ในบริเวณวัดต่าง ๆ หลายวัดหลุดล้มจากแท่นที่ประดิษฐานลงมากองอยู่ที่บนพื้นดินก็มี  จมลงไปในดินก็มี  โดยไม่มีใครสนใจปล่อยให้ตากแดดตากฝนอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหักพังจมดินจมทรายไปเอง  เป็นที่น่าเสียดายนักฉันพิจารณาเห็นว่า  ถ้าหากได้ใบเสมาเหล่านั้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาบางทรายแทนใบเสมาของเดิมแล้วจะเป็นดีไม่น้อย  ขอให้อุ่ณห์จิตต์ช่วยกันคิดเป็นการเอาบุญว่าจะมีทางใดบ้างที่จะได้ใบเสมาดังกล่าวนั้น”

ผู้เขียนได้กราบเรียนว่า  “เกล้ากระผมเห็นพ้องด้วย  ยินดีให้ความร่วมมือกับวัดเขาบางทรายตามที่สมเด็จพ่อปรารภ  เกล้ากระผมจะเดินทางไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย  ทาบทามเรื่องนี้ดูก่อน  ได้ความประการใดเกล้ากระผมจะมากราบเรียนให้ทราบ”

ต่อมาอีก  2  วันผู้เขียนได้เดินทางไปจังหวัดสุโขทัย  เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยเรียนเล่าเรื่องใบเสมาที่สมเด็จพ่อปรารภให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบโดยละเอียด

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยตอบว่า  การที่ใบเสมาต้องหลุดล้มลงมาตากแดดตากฝนอยู่เช่นนั้นก็เพราะจังหวัดไม่มีเงินงบประมาณที่จะบูรณะซ่อมแซมนั่นเอง  เมื่อวัดเขาบางทรายจะขอเอาไปทำประโยชน์ที่วัดเขาบางทรายชลบุรี  จังหวัดก็ไม่ขัดข้อง  ยินดีถวายและอนุญาตให้ขนไปได้ตามจำนวนที่ต้องการ 

ผู้เขียนได้กล่าวขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยและได้เรียนท่านว่า

“เพื่อความสะดวกรวดเร็วในนามของวัดเขาบางทรายชลบุรี  ผมจะขอเป็นตัวแทนเอาใบเสมาบรรทุกรถยนต์ไปถวายวัดเขาบางทรายชลบุรีเลยทีเดียว”  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยอนุมัติ

เช้าวันรุ่งขึ้นผู้เขียนได้นำรถยนต์ไปบรรทุกใบเสมาดังกล่าวที่เมืองสุโขทัยเก่าไปบรรทุกรถไฟที่สถานีสวรรคโลก  ส่งไปถวายวัดเขาบางทรายชลบุรีต่อไป  แล้วผู้เขียนก็เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ  กราบเรียนผลการปฏิบัติให้สมเด็จพ่อทราบ  สมเด็จพ่ออนุโมทนาผู้เขียนแลบอกว่า

“ฉันจะจัดการประดิษฐานใบเสมาเหล่านั้นไว้รอบพระอุโบสถวัดเขาบางทรายชลบุรีต่อไป  ฉันหวังว่าเมื่ออุบาสกอุบาสิกา  พ่อค้าประชาชนชาวชลบุรีได้เห็นใบเสมาเหล่านั้นแล้ว  จะต้องถามว่าได้ใบเสมามาจากไหน  ใครเป็นผู้นำมาถวาย  เมื่อทราบแล้วคงจะพากันโมทนาและจำชื่ออุ่ณห์จิตต์ผู้นำมาถวายไปชั่วกาลนาน”

เมื่อวันที่  6  กันยายน  2487  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ได้มีคำสั่งย้ายผู้เขียนจากกรมที่ดินไปรับราชการตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย  ผู้เขียนได้ไปกราบลาสมเด็จพ่อที่วัดเทพศิรินทราวาสแต่ไม่พบเพราะท่านไปพักผ่อนอยู่ที่วัดเขาบางทรายชลบุรี  ผู้เขียนจึงฝากบัตรลาไว้กับพระครูวรวงศ์  ( จรูญ )  ขอให้ท่านช่วยส่งไปถวายสมเด็จพ่อที่จังหวัดชลบุรีด้วย

เมื่อผู้เขียนเดินทางไปรับตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัยได้ประมาณ  2  สัปดาห์  ผู้เขียนได้รับจดหมายของสมเด็จพ่อส่งมาถึงผู้เขียนโดยทางไปรษณีย์  มีข้อความดังต่อไปนี้

วัดเขาบางทรายชลบุรี

                                                                                23  กันยายน  2487

                นายอุ่ณห์จิตต์  นพรัก  สัทธิวิหาริก

                                ฉันได้รับบัตรลาแล้ว  จงมัสติสัมปชัญญะให้มากซื่อสัตย์สุจริตเต็มที่ในหน้าที่ 

ตำแหน่งนี้รู้สึกว่าเหมาะมาก  อยู่ติดกับชาติภูมิของตน  ข้อสำคัญที่สุดคือใกล้กับคุณพ่อ

มีโอกาสได้บำเพ็ญปิตุปัฎฐานธรรมได้ดี  ขออวยพรให้มีอายุยืนนาน  เกษมสำราญห่าง

โรคาพาธ  แคล้วคลาดปราศจากภัยพิบัติอุปัทวันตรายทั้งปวงทั้งครอบครัว

                                                                                                สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

                                                                                                                    พระอุปัชฌายะ

แม้ผู้เขียนต้องย้ายไปอยู่ห่างไกลสมเด็จพ่อแต่เมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษาผู้เขียนจักต้องนำดอกไม้ธูปเทียน  เครื่องสักการะไปถวายเข้าพรรษาสมเด็จพ่อทุกปี  ไม่เคยขาดเลยนับตั้งแต่ผู้เขียนลาสิกขา  ปี  2468  เป็นต้นมาจนถึงปีสมเด็จพ่อมรณภาพ

สมเด็จพ่อเป็นพระสงฆ์องค์เดียวที่ดำรงตำแหน่งในวงการคณะสงฆ์มากมายหลายตำแหน่งเป็นประวัติการณ์  คือ

1.  เป็นกรรมการราชบัณฑิตยสถาน

2.  เป็นผู้อำนวยการสอบพระปริยัติธรรมสนามหลวง

3.  เป็นเจ้าคณะมณฑลปราจีนบุรีและมณฑลจันทบุรี

4.  เป็นผู้ถวายพระธรรมเทศนาพระมงคลวิเสสกถาในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่  6-7-8และ 9

รวม  25  ศก

5. เป็นมหาสังฆนายกเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ

6.  เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์

7.  เป็นประธานสังฆนายก

8.  เป็นประธานคณะวินัยธร

9.  เป็นสังฆนายกจนถึงวันมรณภาพ

10.เป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส  50  ปีเศษ

สมเด็จพ่อเป็นพระอุปัชฌาย์บวชภิกษุ  4,847  รูป  เป็นพระอุปสัมปทาจารย์  364  รูป  เป็นพระอุปัชฌาย์บวชสามเณร  1,455  รูป  รวมทั้งสิ้น  6,666  รูป  ( 6  สี่ตัวน่าอัศจรรย์ไหมท่าน )

วงการสงฆ์ของประเทศไทยต้องสูญเสียสมเด็จพ่อ  ซึ่งเป็นช้างเผือกของชาวชลบุรีและเป็นเพชรน้ำเอกของสังฆมณฑลไปเมื่อวันที่  8  มิถุนายน  2494  ด้วยโรคเนื้องอกที่ตับ  ยังความเศร้าโศกสลดรันทดใจแก่สังฆมณฑล  ศิษยานุศิษย์  และผู้ที่มีความเคารพนับถือท่านอย่างสุดจะพรรณนา  คำนวณอายุได้  80  ปี  พรรษา  59

ผู้เขียนได้จดจำวันมรณภาพของสมเด็จพ่อไว้ในความทรงจำอย่างไม่มีวันลืม  วันที่  8  มิถุนายน  ทุกปีผู้เขียนจักต้องบำเพ็ญกุศล  ทำบุญตักบาตร  กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลถวายท่านทุกปีไม่เคยขาดเลย

…….ข้าพเจ้าขอภาวนา ให้บรรดาผู้นำทั้งหลายจะเป็นผู้นำหมู่คณะหรือนำโลก ก็ดี จงได้มีคุณธรรมเหล่านี้เพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในขอบข่ายที่อาจจะช่วยเหลือกันได้ ได้รับความเห็นอกเห็นใจ ด้วยเมตตาที่ประกอบด้วยธรรม อย่างเพียบพร้อมด้วยเถิด และถ้าเป็นไปได้ ขอให้ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จนั่นแหละได้มาเกิด เป็นผู้นำในทางวิญญาณ  ในขณะที่โลกเต็มไปด้วยวิกฤติกาล อันโหดร้ายยิ่งขึ้นทุกทีนี้เทอญฯ

                                    .........................................................................

 

 
 
ตะกร้าพระเครื่อง

ดูตะกร้าพระเครื่อง
แจ้งการชำระเงิน
ตรวจสอบวันจัดส่ง
สถานะการส่งพระเครื่ง

พระเครื่องแนะนำ

25-2-66
พระบูชารูปเหมือนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เจริญ


โชว์ บาท

25-2-66
พระรูปเหมือนใบธิ์ เนื้อนวโลหะ ปี 2512 แบบตอกโค๊ด


30000 บาท

25-2-66
พระนาคปรกใบขนุนเนื้อชินสังฆวานร พระสวยเดิม


9500 บาท

25-2-66
พระนาคปรกใบโพธิ์ 7 เศียร พิมพ์เล็กเนื้อนวโลหะ


AC บาท
บูชาแล้ว

25-2-66
เหรียญกนกข้างพิมพ์ใหญ่บล็อก ม.มีจุด (นิยม)


18500 บาท

25-2-66
พระไตรภาคีพิมพ์รูปเหมือนใหญ่เลี่ยมทองอย่างหนา


BD บาท
บูชาแล้ว

24/2/2566
พระปิดตา พิมพ์ตุ๊กตาใหญ่ เนื้อผงใบลาน ฝังตะกรุด


57000 บาท

24/2/2566
เหรียญเขียวในโลง หายาก เป็นเหรียญที่ใส่ไว้ในโลงท่านฯ


โทรถาม บาท

24/2/2566
พระสมเด็จ 3 ชั้นหลังยันต์นูน (เนื้อน้ำอ้อย)พิมพ์จัมโบ้


8000 บาท

21/02/66
เหรียญหลังเต่ารุ่นแรก บล็อกยันต์เคลื่อน


48000 บาท

6/10/65
เหรียญเขียวในโลง (เหรียญเอเชียนเกมส์) หายาก


โทรถาม บาท

6/10/65
พระผงหลวงพ่อพรหม รุ่นฉลองมณฑป พิมพ์ระฆังใหญ่


โทรถาม บาท

9/8/65
พระกริ่งสายฟ้า ตอกโค๊ต 1 ตัว


โทรถาม บาท

28/06/63
พระบูชารูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรฯ รุ่นแรกหน้าตัก 5 นิ้ว


โทรถาม บาท

27/12/61
ออกใบรับรองพระแท้ ตอนนี้ท่านสามารถออกใบรับรองพระแท้ได้แล้วนะครับ ในนามร้านศักดิ์ ตลิ่งชัน


บาท

27/12/61
ออกใบรับรองพระแท้ ตอนนี้ท่านสามารถออกใบรับรองพระแท้ได้แล้วนะครับ ในนามร้านศักดิ์ ตลิ่งชัน


บาท

27/12/61
ออกใบรับรองพระแท้ ตอนนี้ท่านสามารถออกใบรับรองพระแท้ได้แล้วนะครับ ในนามร้านหมีพูห์ ปู่ทิม


บาท

27/12/61
ออกใบรับรองพระแท้ ตอนนี้ท่านสามารถออกใบรับรองพระแท้ได้แล้วนะครับ ในนามร้านโต้ ท่าพระจันทร์


บาท

19/12/61
เหรียญหลังเต่า บล็อกยันต์เคลื่อน สภาพสวยเดิม ๆ จมูกโด่ง ผิวดี สภาพนี้หายากแล้วครับ


G บาท
บูชาแล้ว

3/10/61
พระสมเด็จวัดวิเวกวนารามหลังยันต์นูนปั้มยันต์หมึก


โทรถาม บาท

22/9/60
พระรูปเหมือนปั๊ม พิมพ์เตารีดหลังยันต์ เนื้อตะกั่วชุบทอง สภาพสวยเดิม ๆ


โทรถาม บาท

25/07/2560
เหรียญเม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้นปีกกา หัวขีด มาพร้อมเลี่ยมจับขอบฝังเพชร


โทรถาม บาท

26-04-60
ออกใบรับรองพระแท้
ตอนนี้ท่านสามารถออกใบรับรองพระแท้ได้แล้วนะครับ ในนามร้านศักดิ์ ตลิ่งชันในสายพระเครื่องของท่านเจ้าคุณนรฯ


โทรถาม บาท

11-4-60
ขันน้ำมนต์ วัดเทพศิรินทราวาส สร้างปี 2495 สภาพสวยเดิม ๆ สร้างน้อย


โทรถาม บาท

1-2-60
เหรียญกนกข้างพิมพ์ใหญ่ เนื้อเงิน บล๊อกนิยมสวยมาก มาพร้อมตลับทอง


โทรถาม บาท

พระเครื่องแนะนำทั้งหมด